Last updated: 15 เม.ย 2563 | 561 จำนวนผู้เข้าชม |
EP 28.สรุปสถานการณ์ โควิด-19 ประจำวันที่ 1 เมษายน 2563 (ภาคบ่าย)
โดย ทีมแพทย์มูลนิธิศิษย์นายร้อยฯ
สถานการณ์ในประเทศ : การติดโรค โควิด-19 ในวันนี้มีผู้เป็นเพิ่มขึ้น 120 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสมเป็น 1,771 ราย การติดต่อเพิ่มได้ลดลงเล็กน้อย (เมื่อวานมีผู้ป่วยเพิ่ม 127 ราย) แต่มีผู้ป่วยตายเพิ่มอีก 2 ราย ทำให้มีผู้ป่วยตายสะสม 12 ราย ถ้าตัวเลขลดลงเรื่อยๆ ก็จะเป็นตามเป้าหมาย ถ้าดูรายละเอียดจะพบว่า สาเหตุที่มีมากที่สุดใน 120 รายนี้ จะมาจาก
เมื่อทราบว่าสาเหตุการแพร่กระจายมาจากที่ใดก็จะมีมาตรการเพิ่ม จึงจะเป็นตามที่เราต้องการ
ปัจจัยที่ทำให้มีแพร่กระจายที่จะต้องแก้ไข : การเพิ่มจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่ยืนยันก่อนหน้านี้ (ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้มีการเพิ่มใน 1 วันมากที่สุด) ควรจะมีมาตรการการกักตัวให้ผู้ป่วยอยู่โรงพยาบาลนานขึ้น และเมื่อกลับบ้านแล้วมีวินัยอย่างเข้มเหมือนกับคนที่ยังติต่อได้ และมีวินัยใน การเว้นระยะห่าง (Social distancing) (ในประเทศจีนก็พบปัญหาเช่นนี้ เพราะให้ผู้ป่วยไม่มีอาการกลับบ้าน แต่ปรากฎว่าไปติดคนไนบ้านเพิ่มจนเป็นปัญหา และที่อิตาลีก็มีปัญหาเช่นเดียวกันนี้)
พวกที่มีอาชีพเสี่ยงที่ทำงานในสถานที่แออัด หรือสัมผัสกับชาวต่างประเทศ ก็ต้องมีการสอดส่องหรือปิดสถานที่เพิ่มขึ้น พวกสถานบันเทิงต้องควบคุมอย่างจริงจังโดยเจ้าหน้าที่ การที่มีมาตรการเพิ่มก็ได้มีการดำเนินการในองค์กรต่างๆ เช่นการรถไฟได้จำกัดเที่ยวที่เป็นเชิงพานิชย์ แต่ยังคงมีให้ประชาชนสัญจร รวมทั้งมีมาตรการในการคัดกรองผู้โดยสารและมี การเว้นระยะห่าง
ขณะนี้รถสาธารณะ รวมทั้งรถเมล์ รถไฟฟ้า ก็มีมาตรการคัดกรองและมีการเว้นระยะห่าง อย่างเต็มที่ ในจังหวัดต่างๆ พบว่ามีการแพร่มากใน กทม.และปริมณฑล กับทางภาคใต้ จว.นนทบุรี ได้ประกาศห้ามออกนอกบ้านในเวลา 23:00 ถึง 05:00 น. มาตรการที่สำคัญและจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชน คือ การเว้นระยะห่าง (Social distancing)
ตามที่มีการศึกษาวิจัย ในประเทศออสเตรเลีย กรณีย์ต่อสู้กับ ไวรัส โควิด-19 นี้ การทำ Social distancing จะได้ผลตามที่ต้องการควรมีประชาชนทำอย่างเคร่งครัดมากถึง 80% ของประชากร ในขณะนี้กรมสุขภาพจิตได้สำรวจแล้วพบว่ายังไม่ถึง จะอยู่ประมาณ 60-70% จึงต้องให้คนไทยทุกคนโดยเฉพาะใน กทม.และปริมณฑล เข้มงวดมากขึ้น
ขณะนี้ประเทศไทยมีการเพิ่มของผู้ป่วยเป็น 2 เท่าทุก 7 วัน ยังไม่เป็นไปตามต้องการซึ่งถ้ามีการแพร่กระจายในระดับนี้จะมีผู้ป่วยในวันที่ 15 เม.ย. 63 เป็นหมื่นคน เกือบ 2 หมื่นคน แต่ถ้าเรามีมาตรการเว้นระยะห่าง (Social distancing) ที่ดีจะมีผู้ป่วยเพียง 7 พันกว่ารายดังที่ต้องการ จึงจะทำให้การรักษาผู้ป่วยได้ผลดี ทรัพยากรในการดูแลผู้ป่วยก็จะทั่วถึง
จึงเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคน และทั่วโลก ที่จะต้องเข้มงวดในการรักษาอนามัยส่วนบุคคล และการสวมมาสก์ กับการเว้นระยะห่าง ให้เช้มงวด
24 เม.ย 2563